พ่อค้าแม่ค้าไม่มีทะเบียนการค้าขอสินเชื่อได้หรือไม่?

05 February 2025

สินเชื่อพ่อค้า แม่ค้าไม่มีทะเบียนขอได้ไม่ยาก

กลุ่มพ่อค้า แม่ค้าที่เป็นเจ้าของกิจการขนาดเล็ก อาชีพเหล่านี้ย่อมไม่มีทะเบียนการค้าเหมือนบริษัทหรือห้างร้านทั่วไป ซึ่งโดยปกติสถาบันทางการเงินมักกำหนดให้ “ทะเบียนการค้า” เป็นเอกสารยืนยันข้อเท็จจริงของการทำอาชีพค้าขาย แบบลายลักษณ์อักษรสำคัญ ซึ่งเป็นหนึ่งปัจจัยที่ช่วยให้อนุมัติสินเชื่อได้ง่าย เมื่อพ่อค้า แม่ค้า ที่ไม่ได้จดทะเบียนการค้าหรือทะเบียนพาณิชย์ ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้า แม่ค้าตั้งแผงลอย รถเข็น รถพุ่มพวงที่ขายของตามตลาดนัด หรือเป็นร้านค้าขายของออนไลน์ เป็นต้น จะสามารถขอสินเชื่อกับสถาบันทางการเงินได้หรือไม่? ดังนั้นต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่ากรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้กำหนดธุรกิจที่ได้รับการยกเว้น “ไม่ต้องจดทะเบียนการค้า” ซึ่งประกอบด้วย

1. พ่อค้า แม่ค้าที่อยู่ในเกณฑ์ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียนการค้า เช่น การค้าเร่, แผงลอย, ธุรกิจของหน่วยงานทางราชการ, ธุรกิจของมูลนิธิ สมาคม สหกรณ์ ธุรกิจของกลุ่มเกษตรกร เป็นต้น

2. กลุ่มที่ต้องจดทะเบียนการค้า แต่ยังไม่ได้ทำการจดทะเบียนการค้าให้เรียบร้อย เช่น เจ้าของกิจการคนเดียว บริษัท ห้างหุ้นส่วน เป็นต้น

ซึ่งพ่อค้า แม่ค้า ทั้ง 2 กลุ่มนี้ สามารถขอสินเชื่อจากสถาบันทางการเงินได้ สถาบันทางการเงินจะไม่ใช้เรื่องของทะเบียนการค้าเป็นเหตุผลในการปฎิเสธให้สินเชื่อพ่อค้า แม่ค้า

วิธีเตรียมตัวอย่างไร ในการขอสินเชื่อให้ผ่าน
เมื่อพ่อค้าแม่ค้าทราบแล้วว่า “ทะเบียนการค้า” เป็นเพียงเอกสารประกอบการขอสินเชื่อ ไม่ใช่ปัจจัยหลักสำคัญในการพิจารณาอนุมัติ หรือปฏิเสธการให้สินเชื่อ หากต้องการขอสินเชื่อจากสถาบันทางการเงินควรมีการเตรียมตัวความพร้อมก่อนยื่นขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน โดยหลักการง่ายๆ ดังนี้

1.เช็กเครดิตตัวเองให้เรียบร้อยก่อนขอสินเชื่อ – ด้วยการตรวจสอบเครดิตบูโร 2 เพื่อจะได้รู้สถานะหนี้ในปัจจุบันของตนเองว่ามีสถานะหนี้เป็นอย่างไร ผ่อนได้ตามเงื่อนไขหรือไม่ หรือถูกฟ้องร้องดำเนินคดีไปแล้วหรือไม่ ซึ่งมีหลายเคสที่บางคนจำไม่ได้ว่าเคยมีการกู้เงินแทนบุคคลในครอบครัวหรือญาติพี่น้องของตัวเอง เพื่อนำไปใช้จ่ายหรือบางคนเคยมีการค้ำประกันให้ใครคนอื่น แล้วถูกฟ้องร้องดำเนินคดีโดยที่เราไม่รู้ตัวเลย

ซึ่งในรายงานเครดิตบูโรจะบอกสถานะหนี้อย่างละเอียด หากพบว่าตนเองเป็นหนี้ที่ผ่อนชำระไม่ตรงตามเงื่อนไขหรือกำลังถูกฟ้องร้องดำเนินคดี ให้รีบแก้ไขให้เรียบร้อยก่อนการขอสินเชื่อจากธนาคาร เพราะเรื่องประวัติการชำระหนี้เป็นหนึ่งในหลายๆ เรื่องที่เป็นปัจจัยในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อของธนาคาร หากมีข้อสงสัยเรื่องการอ่านรายงานเครดิตบูโร สามารถสอบถามหรือเช็ครายละเอียดได้จากเจ้าหน้าที่สินเชื่อของธนาคารได้

2. เก็บรวบรวมเอกสารทางการค้าไว้ทั้งหมด – ไม่ว่าจะเป็นบิลซื้อ-บิลขาย (บิลเงินสด หรือใบกำกับภาษี, ใบออเดอร์สั่งสินค้า, สัญญาว่าจ้างต่างๆ รวมทั้งสัญญาเช่าแผงหรือร้านค้า ใบเสร็จค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ฯลฯ) เอกสารเหล่านี้สามารถนำมาใช้เป็นเอกสารเพื่อยืนยันความสม่ำเสมอของรายรับ-รายจ่าย และสามารถนำมาใช้เป็นเอกสารประกอบการขอสินเชื่อได้ สำหรับบางรายที่ไม่มีเอกสารทางการค้า ก็ไม่ต้องกังวล เพราะธนาคารไม่ได้พิจารณาจากเอกสารทางการค้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ใช้ในการพิจารณาอีกหลายปัจจัยอีกด้วย

3. จัดทำสมุดบัญชีรับจ่าย – เพื่อจะได้รู้ว่าในแต่ละเดือนมีรายรับและรายจ่าย ค่าใช้จ่ายต่อเดือนเท่าไร มีกำไรเดือนละเท่าใด นอกจากจะนำมาใช้เป็นเอกสารประกอบการขอสินเชื่อแล้ว ยังช่วยให้พ่อค้าแม่ค้ารู้ว่าในแต่ละเดือนร้านค้ามีรอยรั่วทางการเงินตรงไหนบ้าง รายรับกับรายจ่ายสัมพันธ์กันหรือไม่ นอกจากนี้อาจจะทำให้ได้ส่วนลดจากการสั่งวัตถุดิบที่เพิ่มมากขึ้นด้วย

4. แยกบัญชีร้านค้ากับบัญชีใช้จ่ายส่วนตัวออกจากกัน (บัญชีเงินฝากธนาคาร) – พ่อค้าแม่ค้าหลายรายมีการใช้เงินปนกันไปปนกันมา โดยหลายๆ ครั้งนำเงินที่ต้องใช้หมุนเวียนในร้านค้า (เงินที่ต้องใช้ซื้อวัตถุดิบ หรือสินค้ามาขาย) ถูกนำไปใช้จ่ายส่วนตัว เพราะเห็นว่ามีเงินเหลือเยอะ ซึ่งเป็นการเข้าใจผิดทำให้มีปัญหาตามมาทันทีคือ ขาดเงินทุนที่ใช้หมุนเวียนหรือไม่มีเงินไปใช้ซื้อวัตถุดิบหรือสินค้ามาขาย หรือที่เรียกว่า “ขาดสภาพคล่อง” ส่วนใหญ่ต้องไปหยิบยืมจากเจ้าหนี้นอกระบบ จนทำให้ต้องหลุดเข้าสู่วงจรอุบาทว์ เป็นหนี้ไม่สิ้นสุด

5. เตรียมเอกสารหลักทรัพย์ – การขอสินเชื่อกับธนาคารสามารถนำบ้านที่เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ขอสินเชื่อหรือเป็นกรรมสิทธิ์ของบุคคลในครอบครัวนำมาใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันได้ หากใช้รถเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันต้องเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ขอสินเชื่อไม่สามารถนำของบุคคลในครอบครัวมาค้ำประกันได้

ซึ่งการใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันจะทำให้ได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ถูกกว่าสินเชื่อที่ไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ที่สำคัญทำให้พ่อค้าแม่ค้ามีความสามารถในการแข่งขันเพิ่มมากขึ้น มีกำไรเหลือเพิ่มมากขึ้น ไม่ใช่หาเงินมาได้เพื่อเอามาจ่ายดอกเบี้ยอย่างเดียว

ข้อควรรู้ การขอสินเชื่อกับธนาคาร ควรขอสินเชื่อเท่าที่จำเป็นต้องใช้ รวมทั้งควรมีเงินสดสำรองขั้นต่ำ 6-12 เท่าของค่าใช้จ่ายทั้งหมดในแต่ละเดือน และหากมีเงินเหลือควรนำมาโปะหนี้ ส่วนกรณีที่พ่อค้าแม่ค้ามีสินเชื่อประเภทเงินกู้ เมื่อโปะเพิ่มไปแล้ว หากมีความจำเป็นต้องใช้เงินจะไม่สามารถดึงเงินกลับมาใช้ได้ทันที และรักษาเครดิตให้ดี ขณะเดียวกันเมื่อขอสินเชื่อได้แล้ว สิ่งที่สำคัญคือผ่อนชำระให้ตรงตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้กับธนาคาร หากในอนาคตจำเป็นต้องขอสินเชื่อเพิ่มเติม จะสามารถทำได้โดยง่าย ไม่ยุ่งยากนั่นเอง ดังนั้นหลายคนที่กังวลว่าถ้าเราไม่มีทะเบียนการค้า ค้าขายรับเงินสด ไม่ได้เดินบัญชี ธนาคารจะยอมปล่อยกู้ไหม บอกเลยว่าไม่ต้องกังวล เพราะหากเราเปิดดำเนินการกิจการจริงมีหน้าร้านจริง ธนาคารจะมีเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบพื้นที่ (Checker Out) เพื่อยืนยันการดำเนินของกิจการ

ฉะนั้น ธนาคารจะมีการพิจารณาจากหลายๆปัจจัย อาทิ ประวัติการใช้วงเงินสินเชื่อที่ผ่านมามีการผ่อนชำระตรงตามเงื่อนไขหรือไม่ หรือ เอกสารทางการค้า ไม่ว่าจะเป็นบิลซื้อหรือบิลขาย สัญญาเช่า นอกจากนั้นยังดูจากบัญชีรายรับรายจ่าย การหมุนเวียนบัญชี และหลักทรัพย์ที่นำมาค้ำประกัน จึงไม่ต้องกังวลมากนัก แต่ในทางที่ดี ก่อนจะเริ่มขอสินเชื่อ ควรที่จะเตรียมความพร้อมให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยยื่นเรื่องขอสินเชื่อกับธนาคาร เพราะการทำธุรกรรม หรือดำเนินการใดๆก็ตาม หากคน “ยื่นเรื่อง” พร้อม “เอกสาร” พร้อม “โอกาส” ที่จะได้รับก็ย่อมมีเปอร์เซ็นต์สูงเช่นเดียวกัน

สนใจสอบถามหรือปรึกษาได้ที่ CCAP คลิก 👉🏻 https://lin.ee/NEBc1fz , LINE ID: @helloccap , เบอร์โทร: 092-256-6801

สแกน QR Code เพื่อเพิ่มเพื่อน CCAP ได้เลย

Reference

https://www.kasikornbank.com/th/credit-insight/pages/merchant-no-license-loan.aspx

© สงวนลิขสิทธิ์ 2565 เจริญสิน แคปปิตอล จำกัด
CALL CENTER  02 120 6624
phone-handset