ความแตกต่างระหว่างสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกัน และมีหลักประกัน

08 May 2025

ธนาคารมีทางเลือกในการขอสินเชื่อทั้งแบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และแบบไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งผู้ขอสินเชื่อมักเลือกประเภทที่เหมาะสมกับตนเอง โดยสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกันเป็นที่นิยมด้วยเหตุผลต่างๆ ดังนี้

  1. ไม่มีหลักทรัพย์สำหรับค้ำประกัน ผู้ขอสินเชื่อบางรายอาจไม่มีทรัพย์สิน เช่น บ้านหรือรถยนต์ เพื่อนำมาเป็นหลักประกัน อีกทั้งสินเชื่อประเภทนี้ช่วยลดความเสี่ยงในการสูญเสียทรัพย์สินหากไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามเงื่อนไข
  2. กระบวนการอนุมัติรวดเร็ว หากสมัครสินเชื่อผ่านแอปพลิเคชันของธนาคาร เช่น K PLUS ผู้ขอสินเชื่อจะได้รับผลการพิจารณาอนุมัติภายใน 15 นาที* ขณะที่สินเชื่อแบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เช่น บ้าน ต้องใช้เวลาในการดำเนินการ ประมาณ 3-4 สัปดาห์ เนื่องจากต้องผ่านกระบวนการประเมินราคาทรัพย์สินและการจดทะเบียนจำนองที่สำนักงานที่ดิน
  3. ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม การขอสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกันมีค่าใช้จ่ายเพียงค่าอากรแสตมป์สำหรับติดสัญญา ในขณะที่สินเชื่อแบบมีหลักประกันจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น หากใช้บ้านเป็นหลักประกัน ต้องเสียค่าประเมินราคาทรัพย์สิน ค่าจดทะเบียนจำนอง 1% ของวงเงินจำนอง เช่น วงเงิน 1,000,000 บาท ค่าจำนอง 10,000 บาท และค่าเบี้ยประกันอัคคีภัยบ้าน หากใช้รถยนต์เป็นหลักประกัน อาจมีค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์และค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ (ประเภท 1, 2+ หรือ 2)

ทั้งนี้ การเลือกประเภทสินเชื่อควรพิจารณาถึงความเหมาะสมของสถานะทางการเงินและความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้เป็นสำคัญ

ข้อดีของการกู้เงินแบบใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน

หากคุณกำลังพิจารณาขอสินเชื่อโดยใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน เช่น บ้านหรือรถ แต่ยังลังเลว่าจะใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันดีหรือไม่ ลองมาดูข้อดีของการกู้เงินประเภทนี้ เพื่อช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น

  • อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำที่สุดอยู่ในสินเชื่อบ้าน โดยคิดอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่ MRR+2 (9.05%) หรือ MRR+3 (10.05%) ตามลำดับ รองลงมาคือสินเชื่อรถแบบจำนำทะเบียน ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยระหว่าง 15.00% – 24.00% คิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก

วงเงินกู้สูง ขึ้นอยู่กับราคาประเมินหลักทรัพย์และความสามารถในการผ่อนชำระหนี้เป็นหลัก สำหรับสินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อรถ ไม่มีการกำหนดวงเงินกู้สูงสุด ในกรณีของสินเชื่อบ้าน วงเงินกู้สูงสุดกำหนดไว้ไม่เกิน 20 ล้านบาท

ระยะเวลาผ่อนชำระยาวนาน พร้อมยอดผ่อนต่อเดือนที่ต่ำ สำหรับสินเชื่อบ้านช่วยได้ สามารถผ่อนได้สูงสุดถึง 10 ปี ขณะที่สินเชื่อรถช่วยได้มีระยะเวลาผ่อนสูงสุด 5 ปี ซึ่งช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายรายเดือนได้

ข้อควรรู้เกี่ยวกับสินเชื่อบ้าน สามารถใช้หลักทรัพย์ของบุคคลในครอบครัวเป็นหลักประกันได้ เช่น พ่อ แม่ บุตร หรือคู่สมรส (ทั้งที่จดทะเบียนสมรสและไม่จดทะเบียน) โดยพิจารณาจากเอกสารทางราชการ เช่น ทะเบียนบ้าน ทะเบียนสมรส ใบสูติบัตร (ใบเกิด) หรือหากเป็นคู่สมรสที่ไม่ได้จดทะเบียน อาจใช้หลักฐานอื่น เช่น การ์ดเชิญงานแต่งงานหรือรูปถ่ายงานแต่งงาน

สำหรับผู้ที่มีหลักทรัพย์ปลอดภาระ ไม่ว่าจะเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเองหรือของบุคคลในครอบครัว แนะนำให้นำมาใช้ค้ำประกันการขอสินเชื่อ เนื่องจากมีข้อดีหลายประการ ได้แก่

✅ อัตราดอกเบี้ยถูกกว่าสินเชื่อที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
✅ ได้วงเงินกู้สูงขึ้น
✅ ผ่อนได้นานสูงสุดถึง 10 ปี ทำให้ยอดผ่อนต่อเดือนต่ำ ลดภาระค่าใช้จ่าย

นอกจากนี้ หากผ่อนไปสักระยะและมีเงินเหลือ สามารถเลือกผ่อนเพิ่มหรือโปะเงินต้นได้ตลอดเวลา เพื่อลดดอกเบี้ยและปลดหนี้ได้เร็วขึ้น

ดังนั้น การขอสินเชื่อไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน อนุมัติง่าย ได้เงินเร็ว แต่ดอกเบี้ยสูง และวงเงินกู้ได้น้อยกว่า หากเปรียบเทียบกับการขอสินเชื่อมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ได้วงเงินสูง ดอกเบี้ยต่ำ ผ่อนได้นาน แต่ใช้เวลาพิจารณานานกว่า ซึ่งมีขอดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับผู้ขอสินเชื่อเหมาะสมกับสินเชื่อแบบไหน

หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ CCAP เบอร์โทร: 092-256-6801 หรือแอดไลน์มาได้เลย คลิก 👉🏻 https://lin.ee/NEBc1fz , LINE ID: @helloccap

สแกน QR Code เพื่อเพิ่มเพื่อน CCAP ได้เลย

Reference Link

© สงวนลิขสิทธิ์ 2565 เจริญสิน แคปปิตอล จำกัด
CALL CENTER  02 120 6624
phone-handset