ธนาคารมีทางเลือกในการขอสินเชื่อทั้งแบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และแบบไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งผู้ขอสินเชื่อมักเลือกประเภทที่เหมาะสมกับตนเอง โดยสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกันเป็นที่นิยมด้วยเหตุผลต่างๆ ดังนี้
ทั้งนี้ การเลือกประเภทสินเชื่อควรพิจารณาถึงความเหมาะสมของสถานะทางการเงินและความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้เป็นสำคัญ
ข้อดีของการกู้เงินแบบใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน
หากคุณกำลังพิจารณาขอสินเชื่อโดยใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน เช่น บ้านหรือรถ แต่ยังลังเลว่าจะใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันดีหรือไม่ ลองมาดูข้อดีของการกู้เงินประเภทนี้ เพื่อช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น
วงเงินกู้สูง ขึ้นอยู่กับราคาประเมินหลักทรัพย์และความสามารถในการผ่อนชำระหนี้เป็นหลัก สำหรับสินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อรถ ไม่มีการกำหนดวงเงินกู้สูงสุด ในกรณีของสินเชื่อบ้าน วงเงินกู้สูงสุดกำหนดไว้ไม่เกิน 20 ล้านบาท
ระยะเวลาผ่อนชำระยาวนาน พร้อมยอดผ่อนต่อเดือนที่ต่ำ สำหรับสินเชื่อบ้านช่วยได้ สามารถผ่อนได้สูงสุดถึง 10 ปี ขณะที่สินเชื่อรถช่วยได้มีระยะเวลาผ่อนสูงสุด 5 ปี ซึ่งช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายรายเดือนได้
ข้อควรรู้เกี่ยวกับสินเชื่อบ้าน สามารถใช้หลักทรัพย์ของบุคคลในครอบครัวเป็นหลักประกันได้ เช่น พ่อ แม่ บุตร หรือคู่สมรส (ทั้งที่จดทะเบียนสมรสและไม่จดทะเบียน) โดยพิจารณาจากเอกสารทางราชการ เช่น ทะเบียนบ้าน ทะเบียนสมรส ใบสูติบัตร (ใบเกิด) หรือหากเป็นคู่สมรสที่ไม่ได้จดทะเบียน อาจใช้หลักฐานอื่น เช่น การ์ดเชิญงานแต่งงานหรือรูปถ่ายงานแต่งงาน
สำหรับผู้ที่มีหลักทรัพย์ปลอดภาระ ไม่ว่าจะเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเองหรือของบุคคลในครอบครัว แนะนำให้นำมาใช้ค้ำประกันการขอสินเชื่อ เนื่องจากมีข้อดีหลายประการ ได้แก่
✅ อัตราดอกเบี้ยถูกกว่าสินเชื่อที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
✅ ได้วงเงินกู้สูงขึ้น
✅ ผ่อนได้นานสูงสุดถึง 10 ปี ทำให้ยอดผ่อนต่อเดือนต่ำ ลดภาระค่าใช้จ่าย
นอกจากนี้ หากผ่อนไปสักระยะและมีเงินเหลือ สามารถเลือกผ่อนเพิ่มหรือโปะเงินต้นได้ตลอดเวลา เพื่อลดดอกเบี้ยและปลดหนี้ได้เร็วขึ้น
ดังนั้น การขอสินเชื่อไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน อนุมัติง่าย ได้เงินเร็ว แต่ดอกเบี้ยสูง และวงเงินกู้ได้น้อยกว่า หากเปรียบเทียบกับการขอสินเชื่อมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ได้วงเงินสูง ดอกเบี้ยต่ำ ผ่อนได้นาน แต่ใช้เวลาพิจารณานานกว่า ซึ่งมีขอดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับผู้ขอสินเชื่อเหมาะสมกับสินเชื่อแบบไหน
หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ CCAP เบอร์โทร: 092-256-6801 หรือแอดไลน์มาได้เลย คลิก 👉🏻 https://lin.ee/NEBc1fz , LINE ID: @helloccap