หนี้นอกระบบ เส้นทางสู่โอกาสหรืออุปสรรคในชีวิต?

12 June 2025

ทำความเข้าใจสาเหตุหนี้นอกระบบในประเทศไทย

จากผลการสำรวจเรื่อง “หนี้นอกระบบในประเทศไทยเป็นอย่างไร” พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ที่ก่อหนี้นอกระบบมีเหตุผลสำคัญดังต่อไปนี้

  • อันดับที่ 1 เพื่อชำระค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น ค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ค่ารักษาพยาบาล และค่าเล่าเรียน โดยคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 46.8% ซึ่งสะท้อนถึงภาระด้านค่าครองชีพและปัญหาการขาดสวัสดิการพื้นฐานที่เพียงพอ
  • อันดับที่ 2 เพื่อนำเงินไปลงทุนประกอบอาชีพ คิดเป็น 41.5% แสดงให้เห็นถึงความต้องการในการเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อสร้างรายได้ แต่ขาดโอกาสในการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินในระบบ
  • อันดับที่ 3 เพื่อนำไปชำระหนี้เก่า ทั้งจากในระบบและนอกระบบ คิดเป็น 9.4% ชี้ให้เห็นถึงปัญหาหนี้วนซ้ำ ที่ผู้กู้ต้องก่อหนี้ใหม่เพื่อปิดหนี้เก่า
  • อันดับที่ 4 เพื่อใช้จ่ายในสิ่งที่ไม่จำเป็น เช่น การซื้อเครื่องประดับหรือโทรศัพท์มือถือ ซึ่งมีสัดส่วนเพียง 2.3% แสดงว่าการก่อหนี้เพื่อความฟุ่มเฟือยมีสัดส่วนน้อยมากเมื่อเทียบกับหนี้ที่เกิดจากความจำเป็น

เหตุผลที่บางกลุ่มต้องพึ่งพาหนี้เงินกู้นอกระบบ

แม้ว่าสถาบันการเงินและธนาคารจะมีบริการสินเชื่อหลากหลายประเภท แต่คนจำนวนไม่น้อยกลับไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ในระบบได้ ด้วยปัจจัยสำคัญหลายประการ ได้แก่

  • ความต้องการใช้เงินอย่างเร่งด่วน ซึ่งกระบวนการขอสินเชื่อในระบบมักใช้เวลานาน
  • การไม่มีหลักทรัพย์หรือบุคคลค้ำประกัน ซึ่งเป็นข้อกำหนดสำคัญในการอนุมัติสินเชื่อ
  • รายได้ไม่แน่นอน เช่น ผู้ประกอบอาชีพอิสระหรือแรงงานนอกระบบ ทำให้ขาดความน่าเชื่อถือทางการเงินในสายตาสถาบันการเงิน
  • ประวัติเคยเป็นหนี้เสีย (NPL) หรือเคยถูกฟ้องร้องดำเนินคดีเกี่ยวกับหนี้สิน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อคะแนนเครดิตและความสามารถในการกู้เงินในระบบ

จากข้อจำกัดเหล่านี้ คนกลุ่มดังกล่าวจึงหันไปพึ่งแหล่งเงินกู้นอกระบบที่เข้าถึงได้ง่าย แม้ต้องแลกกับดอกเบี้ยที่สูงลิ่ว และเงื่อนไขที่ไม่เป็นธรรม

ประเภทของเจ้าหนี้นอกระบบ ในปัจจุบันสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่

  1. เจ้าหนี้นอกระบบแบบดั้งเดิม เช่น เจ้าหนี้ในชุมชน เจ้าหนี้นอกพื้นที่ แก๊งหมวกกันน็อก และร้านค้าที่ปล่อยเงินกู้โดยตรง
  2. เจ้าหนี้นอกระบบออนไลน์ ซึ่งมักแฝงตัวมาในรูปแบบโฆษณาเงินด่วนผ่านเว็บไซต์ หรือสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ เช่น Facebook, Instagram, และ Line โดยมีการเสนอเงินกู้ที่รวดเร็วแต่แฝงด้วยเงื่อนไขที่ไม่โปร่งใสและเสี่ยงต่อการถูกหลอกลวง

ซึ่งการเข้าใจที่มาของปัญหานี้จึงเป็นก้าวแรกสำคัญในการหาแนวทางแก้ไขอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านการขยายโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ และการให้ความรู้ทางการเงินกับประชาชน

ทำอย่างไรให้จ่ายหนี้ได้ทันตามกำหนด

วิธีการปล่อยกู้และพฤติกรรมของเจ้าหนี้นอกระบบที่ควรระวัง เจ้าหนี้นอกระบบมักใช้วิธีการหลอกล่อและเอาเปรียบผู้กู้ในหลากหลายรูปแบบ ได้แก่

  • โฆษณาชวนเชื่อ โดยส่งใช้ข้อความที่สร้างความหวัง เพื่อดึงดูดผู้ที่ต้องการเงินด่วนให้หลงเชื่อว่าเป็นแหล่งเงินกู้ที่ง่ายและปลอดภัย
  • ทำสัญญาที่ไม่เป็นธรรม คือ หลอกลวงผ่านสัญญาที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง เช่น ทำสัญญาเงินกู้ 100,000 บาท แต่ผู้กู้ได้รับเงินจริงเพียง 50,000 บาท พร้อมอัตราดอกเบี้ยที่ระบุในสัญญาเพียง 15% ต่อปี (ตามกฎหมาย) แต่ความจริงแล้ว ผู้กู้ต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงถึง 520% ต่อปี เมื่อคำนวณจากยอดเงินที่ได้รับจริง
  • ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันและแอบยักยอก สำหรับวงเงินกู้ที่สูง ซึ่งเจ้าหนี้นอกระบบมักขอหลักทรัพย์ค้ำประกัน เช่น ที่ดิน บ้าน หรือรถยนต์ ซึ่งเสี่ยงที่เจ้าหนี้จะนำหลักทรัพย์ไปจำนำหรือขายต่อโดยไม่แจ้งให้เจ้าของทราบ เมื่อถึงเวลาต้องการไถ่คืนกลับไม่สามารถนำทรัพย์สินกลับมาได้

เจ้าหนี้นอกระบบมักใช้เทคนิคโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อหลอกล่อให้ผู้ที่กำลังเดือดร้อนเรื่องเงินหลงเชื่อว่านี่คือ “ทางรอดสุดท้าย” ตัวอย่างโฆษณาที่พบได้บ่อย เช่น

  • “เงินกู้ด่วนออนไลน์ ถูกกฎหมาย รู้ผลอนุมัติใน 5 นาที!”
  • “กู้ 10,000 บาท ผ่อนคืนเพียงวันละ 200 บาท นาน 6 เดือน”

ข้อความเหล่านี้ดูเหมือนเป็นโอกาสดี แต่เบื้องหลังกลับเต็มไปด้วยกับดักที่ทำให้ผู้กู้ตกเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว และเมื่อเหยื่อตกลงกู้เงิน เจ้าหนี้นอกระบบจะใช้วิธีเอารัดเอาเปรียบในทุกรูปแบบ เช่น การทำสัญญากู้ไม่ตรงกับเงินที่ได้รับจริง และการคิดดอกเบี้ยโหดเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ตัวอย่างเช่น

  • ทำสัญญาว่ากู้ 100,000 บาท แต่ได้รับเงินจริงเพียง 50,000 บาท
  • ระบุในสัญญาว่าดอกเบี้ยไม่เกิน 15% ต่อปี แต่ในความเป็นจริงคิดดอกเบี้ยสูงถึง 520% ต่อปี!

จากตัวอย่างโฆษณา “กู้ 10,000 บาท ผ่อนคืนวันละ 200 บาท นาน 6 เดือน*” ฟังดูเหมือนจะไม่แพง แต่หากลองคำนวณจริง ๆ จะพบว่า ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายนั้นสูงจนเกินรับไหว การโฆษณาแบบนี้ตั้งใจหลอกให้คนกู้เข้าใจผิด ว่าเป็นยอดผ่อนรายวันที่เบา สบาย และหมดหนี้เร็ว ทั้งที่แท้จริงแล้วต้องจ่ายดอกเบี้ยแพงมหาศาล

ในกรณีที่กู้เงินจำนวนสูง เจ้าหนี้นอกระบบมักบังคับให้นำทรัพย์สิน เช่น ที่ดิน บ้าน รถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์มาค้ำประกัน แต่แทนที่จะรักษาทรัพย์สินไว้ให้ตามข้อตกลง เจ้าหนี้นอกระบบบางรายกลับนำทรัพย์เหล่านี้ไปขาย หรือจำนำต่ออย่างผิดกฎหมาย พอถึงเวลากลับมาไถ่คืน ทรัพย์สินอาจหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทิ้งให้ผู้กู้ต้องสูญเสียสมบัติอันมีค่าไปตลอดกาล

ข้อควรระวัง: กับดักเจ้าหนี้นอกระบบออนไลน์ และกลลวงจากมิจฉาชีพ ในโลกออนไลน์ เจ้าหนี้นอกระบบมีทั้งกลุ่มที่ปล่อยกู้เงินจริง และกลุ่มมิจฉาชีพที่แฝงตัวมาในคราบนายทุนเงินกู้ วิธีการหลอกลวงที่พบบ่อย เช่น เมื่อต้องการกู้เงิน 100,000 บาท มิจฉาชีพจะอ้างว่าต้องโอนเงินเพื่อเป็น “ค่าใช้จ่ายเบื้องต้น” เช่น ค่าธรรมเนียม หรือ “เงินปากถุง” ก่อนถึงจะดำเนินการกู้ได้ และเมื่อเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินไปแล้ว กลลวงยังไม่จบง่ายๆ มิจฉาชีพจะอ้างเหตุผลเพิ่มเติมเพื่อขอเงินซ้ำอีก เช่น

  • “โอนเงินมาล่าช้า ทำให้ไม่ทันรอบ ต้องโอนค่ารักษาบัญชีเพื่อคงสิทธิ์การกู้”
  • “ต้องโอนค่าประกันกู้เพิ่ม มิฉะนั้นจะไม่สามารถดำเนินการต่อได้”

สุดท้าย เหยื่อจะเสียเงินไปหลายครั้งโดยไม่ได้รับเงินกู้แม้แต่บาทเดียว

เจ้าหนี้นอกระบบ…พวกเขาตามหนี้กันอย่างไร?

เมื่อพูดถึงการกู้นอกระบบ สิ่งสำคัญที่ต้องรู้ คือ “ความเสี่ยงที่อาจตามมา” ผู้กู้จำนวนมากแม้จะเริ่มผ่อนชำระหนี้ได้ในช่วงแรก แต่ไม่นานมักเริ่มผ่อนไม่ไหว เพราะแม้จะจ่ายไปเท่าไร ยอดเงินต้นก็ไม่ลดลง เนื่องจากถูกคิดดอกเบี้ยที่สูงเกินจริง หรือบางครั้งเกิดภาวะขาดสภาพคล่อง จนไม่สามารถชำระหนี้ต่อได้

เมื่อผู้กู้ผิดนัดชำระ เจ้าหนี้นอกระบบมักใช้วิธีการทวงหนี้ที่รุนแรง และ ไม่อยู่ภายใต้กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค โดยมีพฤติกรรมที่พบได้บ่อยดังนี้:

  • โทรศัพท์ข่มขู่ คุกคาม
    • โทรศัพท์ตามทั้งเช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอน (“โทรจิก”) บางรายโทรตลอดทั้งวันทั้งคืน
    • หากผู้กู้ไม่รับสาย จะโทรไปก่อกวนคนใกล้ชิด เช่น ครอบครัว ญาติ หรือแม้แต่ผู้นำชุมชน เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
  • ประจานให้เสียหาย
    • โพสต์ประจานบนโซเชียลมีเดีย หรือประกาศในชุมชน กล่าวหาว่าเป็น “คนโกง” “หนีหนี้” เพื่อสร้างความอับอาย
    • สำหรับผู้ที่ประกอบธุรกิจ อาจเสียเครดิตทางการค้าอย่างร้ายแรง
  • บุกทวงหนี้ถึงบ้าน หรือที่ทำงาน
    • ไปดักรอที่บ้าน ที่ทำงาน หรือร้านค้า พร้อมข่มขู่คุกคามเพื่อกดดันให้ชำระหนี้
    • บางรายใช้วิธีสาดเลือดเป็ดหรือเลือดไก่หน้าบ้าน หรือเขียนข้อความข่มขู่บนกำแพงเพื่อข่มขวัญ
  • ยึดหรือทำลายทรัพย์สิน
    • บุกยึดทรัพย์สินภายในบ้าน ร้านค้า หรือที่ทำงาน เพื่อนำไปหักหนี้
    • ทำลายทรัพย์สินจนเสียหาย สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจ และทำให้ลูกค้าไม่กล้าเข้ามาใช้บริการ
  • การใช้ความรุนแรงถึงขั้นอันตราย
    • บางรายถึงขั้น อุ้มผู้กู้ไปเป็นตัวประกัน เพื่อเรียกค่าไถ่จากญาติหรือครอบครัว
    • มีกรณีร้ายแรงถึงขั้นทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส หรือถึงแก่ชีวิต

ดังนั้น การกู้นอกระบบอาจดูเหมือนทางเลือกที่ง่ายในยามจำเป็น แต่เบื้องหลังเต็มไปด้วยความเสี่ยงที่ร้ายแรงต่อชีวิต ทรัพย์สิน และศักดิ์ศรีของผู้กู้ ดังนั้น ก่อนตัดสินใจกู้เงินจากที่ใด ควรศึกษาและเลือกใช้บริการจากสถาบันการเงินที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น เพื่อปกป้องตัวเองและครอบครัวจากอันตรายที่คาดไม่ถึง

หากจ่ายหนี้นอกระบบไม่ไหว ควรทำอย่างไร?

เมื่อไม่สามารถชำระหนี้นอกระบบได้ อย่าตกใจหรือเลือกที่จะหลบหนี เพราะการหลีกเลี่ยงไม่ใช่ทางออกที่ดี ทางเลือกแรกที่ควรทำ คือ การเจรจากับเจ้าหนี้ ซึ่งเป็นหลักการเดียวกับการเจรจากับเจ้าหนี้ในระบบ เช่น สถาบันการเงินหรือธนาคาร ผู้กู้สามารถขอเจรจาเพื่อ:

  • ขอขยายระยะเวลาการชำระหนี้
  • ขอปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับที่กฎหมายกำหนด

หากเจ้าหนี้เป็นบุคคลที่ผู้กู้รู้จัก เช่น เพื่อน คนในชุมชนเดียวกัน หรือญาติพี่น้อง มีแนวโน้มที่จะเจรจาได้ง่ายขึ้น เพราะยังพอมีความไว้เนื้อเชื่อใจอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม หากเป็นเจ้าหนี้นอกระบบประเภทที่ไม่รู้จักกันมาก่อน เช่น:

  • เจ้าหนี้กลุ่ม “แก๊งหมวกกันน็อก”
  • เจ้าหนี้นอกพื้นที่ที่ไม่มีตัวตนแน่ชัด
  • เจ้าหนี้ออนไลน์ที่ไม่มีหลักแหล่ง

เจ้าหนี้กลุ่มนี้มักจะไม่ยินยอมให้มีการเจรจา และนิยมใช้วิธีการ ข่มขู่ คุกคาม หรือใช้ความรุนแรง เพื่อสร้างความกลัวให้กับลูกหนี้

อย่าคิดว่าเจ้าหนี้นอกระบบคือทางรอด

จากที่กล่าวมาแล้ว คนที่กำลังเดือดร้อนเรื่องเงิน มักมองว่า เจ้าหนี้นอกระบบ คือทางเลือกที่ง่ายและเร็วที่สุด เหมือนเป็น “ทางรอด” สำหรับผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงินได้ แต่ในความเป็นจริง เมื่อกู้มาแล้วและเริ่มผ่อนไม่ไหว “ทางรอด” นั้นจะกลับกลายเป็น “ทางตัน” ทันที ผู้กู้จะเผชิญกับการทวงหนี้ที่รุนแรง ไม่ว่าจะเป็น:

  • การข่มขู่คุกคาม
  • การทำลายทรัพย์สิน
  • ทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต

เหตุการณ์สะเทือนขวัญเหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง และสามารถพบเห็นได้จากรายงานข่าวในสื่อต่างๆ ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะเดือดร้อนเรื่องเงินแค่ไหน สิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยงเป็นอันดับแรก คือ “เงินกู้นอกระบบ” เพราะมันจะนำคุณเข้าสู่วงจรอุบาทว์ที่ยากจะหลุดพ้น หากจำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ ควรมองหาแหล่งเงินกู้ในระบบ เช่น:

  • สินเชื่อส่วนบุคคลแบบไม่มีหลักประกัน
  • หสินเชื่อแบบมีหลักประกันจากสถาบันการเงินที่น่าเชื่อถือ

ซึ่งแม้จะมีขั้นตอนที่เข้มงวดกว่า แต่ก็มีมาตรการคุ้มครองตามกฎหมาย และไม่ต้องเสี่ยงกับอันตรายที่ไม่คาดคิด

ดังนั้น หนี้นอกระบบ คือการกู้เงินจากแหล่งที่ไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย ซึ่งมักคิดดอกเบี้ยในอัตราที่สูงเกินจริง ผู้กู้มักไม่มีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร ทำให้เสี่ยงต่อการถูกเอาเปรียบหรือถูกข่มขู่จากเจ้าหนี้

ปัญหานี้มักเกิดในกลุ่มรายได้น้อยที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อจากธนาคารหรือสถาบันการเงินได้ เพื่อความปลอดภัยควรเลือกแหล่งกู้เงินจากแหล่งที่ได้รับการรับรอง นอกจากนี้ ควรมีความรู้ด้านการเงินเบื้องต้นและวางแผนการใช้จ่าย

อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจกู้เงิน หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ CCAP เบอร์โทร: 092-256-6801 หรือแอดไลน์มาได้เลย คลิก 👉🏻 https://lin.ee/NEBc1fz , LINE ID: @helloccap

สแกน QR Code เพื่อเพิ่มเพื่อน CCAP ได้เลย

Reference Link

© สงวนลิขสิทธิ์ 2565 เจริญสิน แคปปิตอล จำกัด
CALL CENTER  02 120 6624
phone-handset