การขอสินเชื่อไฟแนนซ์เพื่อซื้อรถยนต์ ถือเป็นหนึ่งในวิธีการซื้อรถที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เนื่องจากไม่จำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่ในการซื้อรถในคราวเดียวกัน อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ที่มีรายได้ประจำแต่ยังไม่มีเงินออมจำนวนมาก โดยสามารถเป็นเจ้าของรถได้ทันทีและผ่อนชำระเป็นรายเดือนได้ตามกำลัง
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะตัดสินใจยื่นขอสินเชื่อไฟแนนซ์เพื่อซื้อรถ ควรศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับ 5 ประเด็นสำคัญที่ควรรู้ รวมถึงการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนขอกู้ไฟแนนซ์อย่างละเอียด เพื่อให้กระบวนการขอสินเชื่อและการซื้อรถเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่มีสะดุด
ในบทความนี้ CCAP ได้รวบรวมข้อมูลสำคัญที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการขอไฟแนนซ์ซื้อรถ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ผู้ขอกู้ควรทราบ และแนวทางในการเตรียมตัวก่อนยื่นกู้สินเชื่อรถยนต์ เพื่อให้ผู้ที่มีแผนจะซื้อรถสามารถเตรียมพร้อมได้อย่างมั่นใจและได้รับข้อเสนอที่เหมาะสมที่สุด อย่าพลาดหากคุณกำลังวางแผนจะซื้อรถในเร็วๆ นี้!
สำหรับข้อมูลที่ควรทราบก่อนวางแผนกู้ไฟแนนซ์เพื่อซื้อรถยนต์ ซึ่ง CCAP ได้รวบรวมไว้ในบทความนี้ จะช่วยให้คุณมีความเข้าใจมากยิ่งขึ้น และสามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อจะซื้อรถ โดยมีทั้งหมด 5 ประเด็นสำคัญที่ควรรู้ ดังต่อไปนี้
1. ตรวจสอบและเปรียบเทียบราคารถก่อนตัดสินใจซื้อ
ก่อนตัดสินใจซื้อรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นรถใหม่หรือรถมือสอง ควรศึกษาข้อมูลราคารถให้รอบด้าน เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพ หากคุณกำลังมองหารถใหม่ ควรเปรียบเทียบราคาของรถแต่ละรุ่น พร้อมทั้งพิจารณาค่าเสื่อมราคาที่จะเกิดขึ้นในแต่ละปี รวมถึงราคาขายต่อในอนาคต เพื่อประเมินความคุ้มค่าในระยะยาว
สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อรถมือสอง การเปรียบเทียบราคารถจากผู้ขายหลายรายจะช่วยให้คุณมีโอกาสได้รถในราคาที่เหมาะสมมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เพื่อให้มั่นใจว่าราคาที่ได้รับนั้นสอดคล้องกับราคาตลาดและไม่สูงเกินไป คุณสามารถตรวจสอบข้อมูลราคากลางรถยนต์มือสองได้
2. ทำความเข้าใจประเภทสินเชื่อที่ใช้ในการซื้อรถ
หลังจากที่คุณได้พิจารณาและเปรียบเทียบราคารถทั้งป้ายแดงและรถมือสองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนถัดไปคือการทำความเข้าใจประเภทของสินเชื่อที่ใช้สำหรับการซื้อรถ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วการซื้อรถยนต์จะมีอยู่ 2 ทางเลือกหลัก ได้แก่
โดยทั่วไปแล้ว ราคารถยนต์มือสองมักจะต่ำกว่ารถป้ายแดง แต่หากพิจารณาในแง่ของการขอสินเชื่อ จะพบว่าอัตราดอกเบี้ยของรถมือสองมักจะสูงกว่ารถใหม่ เนื่องจากมีการคิดเผื่อค่าเสื่อมราคาจากการใช้งานมาแล้ว
ดังนั้น ก่อนตัดสินใจซื้อรถยนต์ ควรพิจารณาให้รอบคอบว่าแบบใดเหมาะสมกับความต้องการและศักยภาพทางการเงินของตน พร้อมทั้งอย่าลืมคำนวณค่าใช้จ่ายรวมทั้งหมดและค่างวดรายเดือน เพื่อวางแผนการผ่อนชำระให้สอดคล้องกับรายรับ และลดความเสี่ยงในการเกิดภาระหนี้เกินตัว
3. ประเมินค่าใช้จ่ายที่ตามมาหลังการออกรถ
การซื้อรถยนต์ถือเป็นภาระทางการเงินที่สำคัญ เพราะเมื่อออกรถแล้ว ผู้ซื้อจะต้องผ่อนชำระค่างวดรายเดือนต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 4 – 7 ปี ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสินเชื่อที่เลือกใช้ นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายแฝงที่มาพร้อมกับการครอบครองรถอีกมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นค่าดูแลรักษา ค่าตรวจสภาพรถประจำปี ค่าประกันภัยรถยนต์ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการใช้งานประจำวัน เช่น ค่าน้ำมัน ค่าจอดรถ และค่าทางด่วน เป็นต้น
ดังนั้น ก่อนตัดสินใจออกรถ ควรประเมินความพร้อมทางการเงินของตนเองอย่างรอบคอบ ว่ามีความสามารถในการรับภาระค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้เพียงพอหรือไม่ รวมถึงควรมีการวางแผนทางการเงินล่วงหน้า เช่น การเตรียมเงินดาวน์ให้เพียงพอ
การจัดการหนี้สินที่มีอยู่เดิมให้เรียบร้อย และตรวจสอบว่ารายได้ที่มีอยู่นั้นสามารถรองรับค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้อย่างเหมาะสม เพื่อไม่ให้การมีรถกลายเป็นภาระที่เกินกำลังในระยะยาว
4. วางแผนการผ่อนชำระสินเชื่อรถยนต์อย่างรอบคอบ
เมื่อคุณตัดสินใจกู้ไฟแนนซ์เพื่อซื้อรถ สิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาคือการวางแผนการผ่อนชำระให้เหมาะสมกับรายได้และภาระค่าใช้จ่ายของตนเอง โดยขั้นตอนแรกคือการวางเงินดาวน์จากราคารถยนต์ ซึ่งยอดที่เหลือหลังจากหักเงินดาวน์จะกลายเป็น “ยอดจัดไฟแนนซ์” ที่คุณจะต้องขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน
สถาบันการเงินจะนำยอดจัดไฟแนนซ์ไปคำนวณร่วมกับอัตราดอกเบี้ยและระยะเวลาการผ่อนชำระ เพื่อกำหนดเป็นค่างวดรายเดือนที่คุณต้องจ่าย ดังนั้น หากคุณสามารถวางเงินดาวน์ในจำนวนที่มากขึ้นได้ ก็จะช่วยลดยอดจัดไฟแนนซ์
ทำให้สถาบันการเงินมองว่าคุณมีความเสี่ยงต่ำลง โอกาสได้รับอนุมัติสินเชื่อจึงสูงขึ้น และยังส่งผลให้จ่ายดอกเบี้ยน้อยลง รวมถึงค่างวดรายเดือนก็จะเบาลงด้วย
อย่างไรก็ตาม การวางเงินดาวน์ในจำนวนน้อยก็มีข้อดีเช่นกัน โดยเฉพาะในกรณีที่คุณไม่ต้องการใช้เงินก้อนจำนวนมากในช่วงแรก ซึ่งช่วยให้สามารถนำเงินไปใช้ในเรื่องที่จำเป็นอื่นๆ ได้มากกว่า และสามารถเลือกผ่อนชำระในระยะเวลาที่ยาวขึ้น
เพื่อให้ภาระรายเดือนเหมาะสมกับกำลังทรัพย์ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเลือกดาวน์มากหรือน้อย สิ่งสำคัญที่สุดคือการวางแผนให้สอดคล้องกับสภาพคล่องทางการเงินและเป้าหมายชีวิตของคุณเอง
5. เตรียมความพร้อมก่อนยื่นขอไฟแนนซ์ซื้อรถ
ก่อนที่จะยื่นขอสินเชื่อไฟแนนซ์เพื่อซื้อรถยนต์ การเตรียมความพร้อมทั้งด้านการเงินและเอกสารถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้การขอสินเชื่อเป็นไปอย่างราบรื่นและมีโอกาสได้รับอนุมัติสูงขึ้น โดยสิ่งที่ควรเตรียมมีดังนี้
หลังจากที่คุณได้ทราบข้อมูลสำคัญที่ควรรู้ก่อนยื่นกู้ไฟแนนซ์เพื่อซื้อรถกันไปแล้ว หลายคนอาจยังมีคำถามว่า ควรเตรียมตัวอย่างไรให้การยื่นขอสินเชื่อผ่านได้อย่างราบรื่นตั้งแต่ครั้งแรก CCAP ไม่พลาดที่จะรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เพื่อช่วยให้คุณเตรียมความพร้อมได้อย่างมั่นใจ โดยมี 4 สิ่งสำคัญในการเตรียมตัวก่อนขอไฟแนนซ์ซื้อรถ ดังต่อไปนี้
เตรียมเอกสารให้พร้อมก่อนยื่นขอสินเชื่อ
การจัดเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนและถูกต้องถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการยื่นขอไฟแนนซ์ซื้อรถ เนื่องจากเอกสารเหล่านี้จะเป็นข้อมูลหลักที่สถาบันการเงินใช้ประกอบการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ ดังนั้นผู้ขอสินเชื่อจึงควรตรวจสอบและ เตรียมเอกสารให้พร้อมก่อนยื่นเรื่อง โดยเอกสารพื้นฐานที่จำเป็นประกอบด้วย
ทั้งนี้ หากสถาบันการเงินร้องขอให้มีผู้ค้ำประกัน ผู้ค้ำจะต้องจัดเตรียมเอกสารชุดเดียวกันเช่นกัน การมีเอกสารครบถ้วนตั้งแต่ต้นจะช่วยให้กระบวนการพิจารณาเป็นไปอย่างรวดเร็ว และเพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อได้มากยิ่งขึ้น
มีรายได้หมุนเวียนอย่างสม่ำเสมอ
รายได้ที่มั่นคงและต่อเนื่องถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สถาบันการเงินใช้ในการพิจารณาความสามารถในการผ่อนชำระของผู้ขอสินเชื่อ สำหรับพนักงานประจำที่มีเงินเดือนแน่นอนทุกเดือน จะมีข้อได้เปรียบในการขอไฟแนนซ์
เนื่องจากมีรายได้ประจำที่ตรวจสอบได้ง่าย นอกจากนี้ ไฟแนนซ์อาจนำรายได้เสริมอื่นๆ เช่น โบนัส รายได้จากการทำโอที หรือคอมมิชชั่น มาพิจารณาร่วมด้วย ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติสินเชื่อมากขึ้น
ในกรณีของเจ้าของกิจการ แม้จะไม่มีรายได้ในรูปแบบเงินเดือน แต่หากสามารถแสดงหลักฐานรายได้ที่สม่ำเสมอ พร้อมเอกสารประกอบที่ชัดเจน เช่น หนังสือรับรองบริษัทหรือรายการเดินบัญชีที่แสดงรายรับอย่างต่อเนื่อง
รักษาสถานะเครดิตให้ดีอยู่เสมอ
ประวัติการชำระหนี้ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “เครดิตบูโร” เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่สถาบันการเงินใช้ประกอบการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ โดยทั่วไปแล้ว ไฟแนนซ์จะตรวจสอบข้อมูลเครดิตของคุณผ่านบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร)
หากพบว่าคุณมีประวัติค้างชำระ ผิดนัดชำระ หรือชำระล่าช้าอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้การขอสินเชื่อถูกปฏิเสธ หรือได้รับเงื่อนไขที่ไม่เอื้ออำนวย
การรักษาสถานะเครดิตให้ดีจึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยควรชำระหนี้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อบุคคล หรือสินเชื่อบ้าน ให้ตรงเวลาสม่ำเสมอ รวมถึงควรหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระเกิน 90 วัน เพราะจะส่งผลเสียต่อคะแนนเครดิตอย่างมาก
การมีประวัติเครดิตที่ดี ไม่เพียงช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติสินเชื่อเท่านั้น แต่ยังอาจทำให้คุณได้รับข้อเสนอสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้อีกด้วย
กำหนดยอดผ่อนชำระให้เหมาะสมกับรายได้
การเลือกรถยนต์และกำหนดยอดผ่อนชำระให้เหมาะสมกับรายได้ที่มีอยู่ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการวางแผนขอสินเชื่อให้ประสบความสำเร็จ โดยทั่วไปแล้วยอดผ่อนรถยนต์ที่เหมาะสมไม่ควรเกิน 25-30% ของรายได้/เดือน และควรมีรายได้
รวมมากกว่ายอดผ่อนอย่างน้อย 2 เท่า เพื่อให้สถาบันการเงินมองว่าคุณมีศักยภาพในการผ่อนชำระและมีโอกาสได้รับการอนุมัติสินเชื่อสูงขึ้น
ตัวอย่างเช่น หากคุณมีรายได้ 30,000 บาท/เดือน ค่างวดรถที่เหมาะสมควรอยู่ที่ประมาณ 7,500 – 9,000 บาทต่อเดือน หากคำนวณแล้วยอดผ่อนเกินกว่านี้ อาจพิจารณาเพิ่มจำนวนเงินดาวน์เพื่อลดภาระค่างวด หรือเลือกซื้อรถยนต์รุ่นที่มี
ราคาย่อมเยากว่า เพื่อให้ยอดผ่อนอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับรายได้และไม่กระทบต่อค่าใช้จ่ายประจำในชีวิตประจำวัน
1. ขอสินเชื่อกู้ซื้อรถยากไหม?
ไม่ยาก หากเตรียมตัวให้พร้อม โดยมีรายได้มั่นคง เครดิตดี และเอกสารครบถ้วน ธนาคารจะพิจารณาจากความสามารถในการผ่อนชำระ ประวัติทางการเงิน และมูลค่าของรถ หากคุณมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ โอกาสได้รับอนุมัติถือว่าสูง
2. กู้ไฟแนนซ์ซื้อรถต้องใช้อะไรบ้าง?
เอกสารสำคัญที่ต้องเตรียม ได้แก่ สำเนาบัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้าน, สลิปเงินเดือน(หนังสือรับรองรายได้), Statement บัญชีย้อนหลัง 6 เดือน, สำเนาใบขับขี่ (บางกรณี) อาจต้องมีผู้ค้ำประกันหรือหลักประกันอื่น ขึ้นอยู่กับแต่ละสถาบันการเงิน
3. ทำอย่างไรให้กู้ผ่านง่ายขึ้น?
– รักษาประวัติเครดิตให้ดี ชำระหนี้ตรงเวลา
– มีรายได้มั่นคงและเพียงพอ
– เตรียมเอกสารครบถ้วน ถูกต้อง
– เลือกรถและวงเงินกู้ให้เหมาะกับรายได้
– มีเงินดาวน์อย่างน้อย 20–25% ของราคารถ
– หากจำเป็น ควรมีผู้ค้ำประกันที่น่าเชื่อถือ
4. ธนาคารพิจารณาอะไรบ้างในการอนุมัติ?
– ประวัติเครดิตจากเครดิตบูโร
– รายได้และภาระหนี้รวม
– ความมั่นคงของอาชีพ (เช่น อายุงาน ตำแหน่ง)
– ราคาหรือสภาพรถที่ต้องการซื้อ
– เอกสารประกอบการกู้ว่าถูกต้องครบถ้วนหรือไม่
– ประวัติการทำธุรกรรมกับธนาคาร (ถ้ามี)
5. ปัจจัยที่ทำให้กู้ไม่ผ่านมีอะไรบ้าง?
– เครดิตบูโรไม่ดี ผิดนัดชำระหนี้
– รายได้ไม่เพียงพอหรือไม่แน่นอน
– ภาระหนี้รวมสูงเกินไป
– เอกสารไม่ครบหรือข้อมูลไม่ตรง
– อายุงานน้อย ประสบการณ์ไม่เพียงพอ
– เลือกรถที่ราคาสูงเกินศักยภาพ
– ไม่มีประวัติธุรกรรมที่สม่ำเสมอ
ฉะนั้น การกู้ไฟแนนซ์ซื้อรถเป็นทางเลือกยอดนิยมที่ช่วยให้ผู้ซื้อสามารถเป็นเจ้าของรถได้โดยไม่ต้องใช้เงินก้อนใหญ่ในคราวเดียว แต่การจะขอสินเชื่อให้ผ่านไม่ใช่แค่มีรายได้อย่างเดียว จำเป็นต้องเตรียมความพร้อมรอบด้าน
ทั้งการมีรายได้สม่ำเสมอ ประวัติเครดิตดี และกำหนดยอดผ่อนที่เหมาะสมกับรายได้ เพื่อให้ธนาคารมั่นใจในความสามารถในการผ่อนชำระของคุณ
นอกจากนี้ ยังควรเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน เลือกรถยนต์ให้เหมาะกับกำลังทรัพย์ และวางแผนเงินดาวน์ให้เพียงพอ เพราะทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อได้ง่ายขึ้น
และหากยังมีคำถามหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับการกู้ซื้อรถ บทความนี้ยังได้รวบรวมคำถามพบบ่อย พร้อมคำตอบที่ชัดเจน เพื่อให้คุณสามารถเตรียมตัวล่วงหน้าได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเอกสารที่ใช้ รายได้ที่เหมาะสม หรือปัจจัยที่อาจทำให้สินเชื่อไม่ผ่าน
ดังนั้น หากคุณกำลังวางแผนจะซื้อรถใหม่ อย่าลืมตรวจเช็กลิสต์เหล่านี้ให้ครบ เพื่อให้การกู้ไฟแนนซ์ของคุณผ่านฉลุย และเป็นเจ้าของรถในฝันได้อย่างสบายใจและมั่นคงทางการเงินในระยะยาว
CCAP มีบริการให้สินเชื่อรถยนต์ หากต้องการปรึกษาหรือมีข้อสงสัยในการขอสินเชื่อ สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ CCAP คลิก 👉🏻 https://lin.ee/NEBc1fz , LINE ID: @helloccap , เบอร์โทร: 092-256-6801
