รู้ก่อนกู้ ไม่พลาดทางการเงิน กู้แบบไหนถึงไม่เกินตัว?

13 September 2025

ในโลกยุคใหม่ที่สภาพเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและไม่แน่นอน รายจ่ายในชีวิตประจำวันมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่รายได้ของประชาชนทั่วไปกลับไม่ได้เพิ่มตาม การกู้ยืมเงินจึงกลายเป็นเครื่องมือทางการเงินที่หลายคนจำเป็นต้องพึ่งพา โดยเฉพาะเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล ค่าใช้จ่ายในครอบครัว หรือแม้แต่เงินลงทุนในธุรกิจ

แต่การกู้เงินนั้นมี “สองด้าน” ด้านหนึ่งอาจช่วยให้รอดพ้นจากปัญหาเฉพาะหน้า แต่อีกด้านหนึ่ง หากกู้โดยไม่มีการวางแผนและไม่เข้าใจต้นทุนที่แท้จริง ก็อาจนำไปสู่ภาวะหนี้ท่วมหัว และในที่สุดอาจกลายเป็น “หนี้เสีย” (Non-Performing Loan หรือ NPL) ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งตัวผู้กู้ ครอบครัว และระบบเศรษฐกิจโดยรวม

รายงานจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง “แนวทางการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน” เผยให้เห็นว่า หนี้ครัวเรือนของคนไทยเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ฝังลึกและซับซ้อน โดยมีข้อเท็จจริง 8 ประการเกี่ยวกับ พฤติกรรมหนี้ของคนไทยที่ควรตระหนักสรุปได้ดังนี้

กู้เงินโดยขาดข้อมูลที่ถูกต้อง

ลูกหนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้รับข้อมูลที่ครบถ้วน เช่น อัตราดอกเบี้ยจริง วิธีการคำนวณดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมแฝง สถาบันการเงินบางแห่งเสนอโปรโมชั่นผ่อนน้อย แต่ไม่แจ้งว่าต้องผ่อนนานขึ้นหลายปี หรือไม่ได้บอกถึงอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (Effective Rate) ซึ่งอาจสูงกว่าที่คิดไว้มาก

  • ข้อเสนอแนะ : ควรขอเอกสารรายละเอียดสินเชื่อทุกครั้ง และเปรียบเทียบระหว่างหลายผู้ให้บริการ

ไม่มีเงินออมเผื่อเหตุฉุกเฉิน

กว่า 62% ของครัวเรือนไทยไม่มีเงินสำรองเลย หากรายได้ลดลงเพียง 20% ก็จะไม่มีเงินพอชำระหนี้รายเดือน ต้องกู้เพิ่มจากแหล่งอื่นเพื่อดำรงชีวิต กลายเป็นหนี้ซ้อนหนี้ และเพิ่มความเสี่ยงทางการเงิน

  • แนวทางป้องกัน : ควรมีเงินออมฉุกเฉินอย่างน้อย 3–6 เท่า ของรายจ่ายต่อเดือน เพื่อเป็นเบาะรองรับในยามวิกฤต

ผ่อนหนี้ระยะยาวเกินความจำเป็น

ผู้สูงอายุจำนวนมากยังคงมีภาระหนี้ โดยเฉพาะหนี้จากสินเชื่อบัตรเครดิตที่เลือกจ่ายขั้นต่ำเท่านั้น ทำให้หนี้ไม่หมดเสียที และต้องเสียดอกเบี้ยสะสมเป็นจำนวนมาก

  • สิ่งที่ควรทำ: วางแผนปลดหนี้ระยะยาวก่อนเกษียณ และเลี่ยงการจ่ายขั้นต่ำ ควรจ่ายเกินยอดขั้นต่ำเท่าที่ทำได้

การเติบโตของหนี้

หนี้เรื้อรังแม้เข้าสู่กระบวนการศาล เกือบ 20% ของบัญชีหนี้เสียถูกฟ้องร้อง และในคดีเหล่านี้ 1 ใน 3 มีการยึดทรัพย์และขายทอดตลาดแล้ว แต่ยังไม่สามารถปิดหนี้ได้

  • ข้อคิด: หากเริ่มมีสัญญาณผิดนัดชำระ ควรเจรจากับเจ้าหนี้หรือขอปรับโครงสร้างหนี้ทันที ก่อนเรื่องถึงชั้นศาล

หนี้นอกระบบยังแพร่หลาย จากการสำรวจ พบว่า 42% ของผู้ขอรับการช่วยเหลือมีหนี้นอกระบบเฉลี่ย 54,300 บาทต่อคน สาเหตุหลักคือเข้าไม่ถึงสินเชื่อในระบบ ถูกปฏิเสธสินเชื่อ หรือเลือกกู้นอกระบบเพราะได้เงินเร็ว

  • ข้อควรระวัง: ดอกเบี้ยหนี้นอกระบบอาจสูงถึง 10-20% ต่อเดือน และไม่มีการคุ้มครองทางกฎหมาย

คนรุ่นใหม่เริ่มเป็นหนี้เร็ว กลุ่มอายุ 25–29 ปี เกินครึ่งเป็นหนี้ และ 1 ใน 4 ของกลุ่มนี้เป็นหนี้เสีย สะท้อนว่าความรู้ทางการเงินยังไม่แพร่หลายพอในหมู่วัยทำงานเริ่มต้น

  • แนวทางแก้ไข: ควรส่งเสริมหลักสูตร “การเงินส่วนบุคคล” ตั้งแต่ระดับมัธยม เพื่อปูพื้นฐานวินัยทางการเงินตั้งแต่ต้น

ภาระหนี้เกินศักยภาพทางรายได้ เกือบ 30% ของผู้ใช้บัตรเครดิตหรือสินเชื่อบุคคล มีหนี้มากกว่า 4 บัญชี โดยวงเงินรวมสูงกว่ารายได้ถึง 10–25 เท่า ส่งผลให้ต้องใช้เงินเดือนมากกว่าครึ่งเพื่อจ่ายหนี้

  • หลักคิด: ไม่ควรให้หนี้รวมเกิน 40–50% ของรายได้สุทธิ เพราะจะกระทบต่อคุณภาพชีวิตและความสามารถในการออม

ก่อนจะกู้ ต้องรู้ เท่าไหร่ถึงจะไม่เกินตัว

การกู้เงินอย่างไม่เกินตัวไม่ได้หมายถึงการกู้ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่หมายถึง “การกู้ในปริมาณที่เหมาะสม สอดคล้องกับความจำเป็น และสอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ของตนเองโดยไม่กระทบต่อคุณภาพชีวิตหรือกระแสเงินสดของกิจการ” ดังนั้น ก่อนตัดสินใจกู้เงินทุกครั้ง ควรพิจารณาอย่างรอบด้านในประเด็นต่อไปนี้

กู้ไปเพื่ออะไร? ควรเลือกวงเงินประเภทไหนให้เหมาะกับเป้าหมาย

วัตถุประสงค์ของการกู้เงินมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะเป็นตัวกำหนดว่า ควรเลือกสินเชื่อประเภทใด และมีโครงสร้างการผ่อนชำระอย่างไรให้สอดคล้องกับลักษณะการใช้งาน เช่น

  • กรณีใช้เพื่อเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ เช่น ซื้อวัตถุดิบ สินค้าคงคลัง หรือนำไปหมุนใช้จ่ายในกิจการ ควรเลือก วงเงินเบิกเกินบัญชี (OD) หรือสินเชื่อเงินหมุน ซึ่งให้ความยืดหยุ่นในการชำระคืน และเหมาะกับการหมุนเงินระยะสั้น
  • กรณีลงทุนระยะยาว เช่น ซื้ออาคารสำนักงาน เซ้งร้าน เซ้งพื้นที่ขาย หรือลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ ควรเลือก เงินกู้แบบมีระยะเวลา (Term Loan) ที่เป็นเงินก้อน มีงวดผ่อนชัดเจนในแต่ละเดือน

ควรกู้ “เท่าที่จำเป็น” อย่ากู้เกิน แม้มีศักยภาพผ่อนชำระ

หลายคนคิดว่า หากสถาบันทางการเงินอนุมัติวงเงินสูง ก็ควรกู้ให้เต็มวงเงินไว้ก่อนเพื่อความอุ่นใจ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การกู้มากเกินจำเป็น ไม่เพียงทำให้มีภาระหนี้เพิ่มขึ้น แต่ยังต้องจ่ายดอกเบี้ยมากขึ้นโดยไม่จำเป็น

  • ตัวอย่างเช่น หากกู้สินเชื่อธุรกิจแบบเงินหมุน จำนวน 1,000,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 25% ต่อปี หากเบิกใช้เต็มจำนวน และชำระเฉพาะดอกเบี้ย จะต้องเสียดอกเบี้ยเดือนละประมาณ 20,548 บาท (คำนวณโดยสูตร : 1,000,000 x 25% x 30 / 365)
  • ทำให้ภาระดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นต้นทุนที่อาจสูงเกินไป หากเงินที่กู้มานั้นไม่ได้ถูกนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น แนวทางที่เหมาะสม คือ ต้องประเมินจำนวนเงินที่จำเป็นต้องใช้จริงเท่านั้น มีวางแผนการใช้เงินอย่างรอบคอบ และเปรียบเทียบต้นทุนดอกเบี้ยระหว่างวงเงินที่ขอกับผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ

มีหลักทรัพย์ค้ำประกันหรือไม่?

ผู้กู้จำนวนไม่น้อยมักเลือกสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกัน เพราะมองว่าสะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องจัดเตรียมเอกสารหรือทรัพย์สินเพิ่มเติมในการยื่นคำขอ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่มักถูกมองข้าม คือ อัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อประเภทนี้มักสูงกว่าสินเชื่อที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันอย่างมีนัยสำคัญ

ดังนั้น หากผู้กู้ มีทรัพย์สินที่สามารถใช้เป็นหลักประกันได้ เช่น ที่ดิน อาคาร หรือรถยนต์ ควรพิจารณานำมาใช้ในการขอกู้ เพราะจะช่วยให้ได้วงเงินอนุมัติที่สูงขึ้น เสียดอกเบี้ยในอัตราที่ต่ำลง และมีโอกาสได้รับการอนุมัติง่ายขึ้นในบางกรณี ดังนั้น การเลือกใช้สินเชื่ออย่างเหมาะสมกับสถานะและทรัพย์สินที่มี จะช่วยให้คุณลดต้นทุนทางการเงินและบริหารหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ภาระผ่อนชำระในปัจจุบันมากเกินไปหรือไม่?

ก่อนตัดสินใจกู้เงินเพิ่มเติม ควรตรวจสอบภาระหนี้สินที่มีอยู่ในปัจจุบันว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสมหรือไม่ โดยหลักการทั่วไป แนะนำว่า “ภาระผ่อนชำระทั้งหมดต่อเดือนไม่ควรเกิน 50% ของรายได้รวม” ตัวอย่างเช่น หากมีรายได้ประจำเดือนละ 20,000 บาท ภาระผ่อนชำระในแต่ละเดือนไม่ควรเกิน 10,000 บาท หากเกินกว่านี้ ถือว่าเสี่ยงต่อการก่อหนี้เกินตัว

ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาทางการเงินในอนาคต เช่น ชำระหนี้ล่าช้า ถูกปรับดอกเบี้ย หรือเสียประวัติเครดิตด้วย ฉะนั้น การประเมินภาระหนี้ที่แท้จริงของตนเองจึงเป็นสิ่งจำเป็นก่อนตัดสินใจกู้เงินใหม่ เพื่อให้แน่ใจว่า การผ่อนชำระยังอยู่ในขอบเขตที่รับไหว และไม่กระทบต่อค่าใช้จ่ายจำเป็นในชีวิตประจำวัน

ดังนั้น การกู้เงินอย่างมีวินัยและรู้เท่าทันความสามารถทางการเงินของตนเอง คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้การเป็นหนี้ “ไม่เกินตัว” และสามารถเปลี่ยนหนี้สินให้กลายเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยขับเคลื่อนเป้าหมายในชีวิตหรือธุรกิจ

ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก่อนกู้เงินทุกครั้ง อย่าลืมถามตัวเองว่า กู้ไปทำอะไร? กู้เท่าไหร่ถึงพอดี? มีทรัพย์สินค้ำประกันหรือไม่? ภาระหนี้ที่มีอยู่มากเกินไปหรือยัง? หากสามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนและมั่นใจ ก็สามารถกู้เงิน

ได้อย่างมีสติและมั่นคง ไม่เป็นภาระเกินตัวในระยะยาว หากต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อ CCAP คลิก 👉🏻 https://lin.ee/NEBc1fz
LINE ID: @helloccap
เบอร์โทร: 092-256-6801

สแกน QR Code เพื่อเพิ่มเพื่อน CCAP ได้เลย

Reference Link

© สงวนลิขสิทธิ์ 2565 เจริญสิน แคปปิตอล จำกัด
CALL CENTER  02 120 6624
phone-handset