ปรับชีวิตการเงิน ด้วยการรวบหนี้

28 November 2025

หากคุณกำลังมีหนี้หลายทาง ไม่ว่าจะเป็น หนี้บัตรเครดิต, หนี้บัตรกดเงินสด หรือ หนี้สินเชื่อรถยนต์ จากหลายสถาบัน และต้องการปลดหนี้ให้เร็วขึ้น หาตัวช่วยลดภาระรายจ่ายต่อเดือน หรือเสริมสภาพคล่องในช่วงที่การเงินตึงตัว

การรวมหนี้เป็นก้อนเดียว (Debt Consolidation) อาจเป็นหนึ่งในทางออกที่ช่วยให้คุณจัดการหนี้ได้ง่ายขึ้น และทำให้การเงินมีทิศทางที่ดีขึ้นกว่าเดิม

แล้วการรวมหนี้เป็นก้อนเดียวคืออะไร และ มีข้อดีอย่างไร? มาหาคำตอบไปพร้อมกันในบทความนี้!

รวมหนี้เป็นก้อนเดียวคืออะไร?

การรวมหนี้เป็นก้อนเดียว (Debt Consolidation) คือ การนำหนี้หลายก้อนที่มีอยู่ มารวมเป็นหนี้ก้อนเดียว เพื่อจัดการและเคลียร์ภาระหนี้ทั้งหมด เช่น หนี้บัตรเครดิต หนี้บ้าน หรือหนี้รถยนต์ โดยส่วนใหญ่ผู้กู้จะใช้ ทรัพย์สินที่มีมูลค่าเช่น บ้านหรือรถยนต์ เป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อกับธนาคารหรือสถาบันการเงิน จากนั้นนำเงินก้อนที่ได้รับไปปิดหนี้เดิมทั้งหมด ซึ่งในระหว่างนี้บ้านหรือรถยนต์ที่นำมาค้ำประกันยังสามารถอยู่อาศัยหรือใช้งานได้ตามปกติโดยไม่มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

การรวมหนี้ช่วยให้ผู้กู้ มีเจ้าหนี้เพียงรายเดียวแทนที่จะต้องบริหารจัดการหนี้หลายแหล่งที่มีอัตราดอกเบี้ย เงื่อนไข และวันชำระที่แตกต่างกัน การมีหนี้ก้อนเดียวทำให้วางแผนการเงินได้ง่ายขึ้น ลดความยุ่งยากและลดความเสี่ยงจากการชำระหนี้การรวมหนี้ช่วยให้ผู้กู้ มีเจ้าหนี้เพียงรายเดียวแทนที่จะต้องบริหารจัดการหนี้หลายแหล่งที่มีอัตราดอกเบี้ย เงื่อนไข และวันชำระที่แตกต่างกัน การมีหนี้ก้อนเดียวทำให้วางแผนการเงินได้ง่ายขึ้น ลดความยุ่งยากและลดความเสี่ยงจากการชำระหนี้

นอกจากนี้ การรวมหนี้เป็นก้อนเดียว ช่วยลดความเครียดและแรงกดดันทางจิตใจ เพราะไม่ต้องคอยติดตามชำระหนี้หลายบัญชี และยังเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นฟูวินัยทางการเงินในระยะยาว หากผู้กู้บริหารจัดการอย่างมีระบบ ก็สามารถใช้วิธีนี้เป็นโอกาสในการ ปลดหนี้อย่างยั่งยืน และสร้างเสถียรภาพทางการเงินในอนาคต.

ตัวอย่างการรวมหนี้เป็นก้อนเดียว สมมติคุณมีหนี้ 3 รายการ รวมต้องจ่ายเดือนละ 18,000 บาท ได้แก่

  • บัตรเครดิต A หนี้รวม 50,000 บาท ดอกเบี้ยลดต้นลดดอก 16% ต่อปี จ่ายขั้นต่ำเดือนละ 5,000 บาท
  • บัตรกดเงินสด B หนี้รวม 30,000 บาท ดอกเบี้ยลดต้นลดดอก 22% ต่อปี จ่ายขั้นต่ำเดือนละ 3,000 บาท
  • สินเชื่อรถยนต์ C หนี้รวม 150,000 บาท ดอกเบี้ยคงที่ 3.5% ต่อปี จ่ายขั้นต่ำเดือนละ 10,000 บาท

รวมแล้วคุณต้อง ชำระหนี้ทั้งหมด 18,000 บาทต่อเดือน ซึ่งเป็นภาระที่ค่อนข้างสูง และต้องคอยบริหารการชำระหนี้หลายบัญชีที่มี ดอกเบี้ยและวันครบกำหนดต่างกัน

วิธีการรวมหนี้เป็นก้อนเดียว

ในกรณีนี้สามารถนำ รถยนต์ปี 2017 มาใช้เป็นหลักประกัน เพื่อขอสินเชื่อรถแลกเงิน เคลียร์หนี้ (CYC) โดยได้รับวงเงิน 500,000 บาท ที่อัตราดอกเบี้ย 4.30% ต่อปี และผ่อนชำระได้ยาวนานถึง 72 เดือน

เมื่อได้เงินก้อนนี้มาแล้ว จะนำไปปิดหนี้ทั้งหมด 3 รายการ รวม 230,000 บาท (50,000 + 30,000 + 150,000) จากนั้น หนี้เก่าทั้งหมดจะถูกเคลียร์ เหลือเพียงการผ่อนชำระ โดยมีค่างวดใหม่เพียง เดือนละ 9,348 บาท เท่านั้น

ข้อดี การรวมหนี้เป็นก้อนเดียว

จากตัวอย่างข้างต้นจะเห็นว่า การรวมหนี้หลาย ๆ ก้อนให้เหลือเพียงก้อนเดียว ช่วยจัดการปัญหาหนี้สินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้การวางแผนทางการเงินเป็นระเบียบมากขึ้น โดยมีข้อดีดังนี้

1. ผ่อนชำระที่เดียว ไม่ต้องจัดการหลายบัญชี

จากเดิมที่คุณต้องจ่ายหนี้หลายที่ ทั้งบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล หรือสินเชื่อรถยนต์ ที่มีวันครบกำหนดและเงื่อนไขแตกต่างกัน อาจทำให้สับสนจนลืมจ่าย การรวมหนี้ช่วยให้คุณเหลือเจ้าหนี้เพียง รายเดียว ทำให้ วางแผนชำระได้ง่าย ลดความเสี่ยงผิดนัด และยัง ป้องกันผลเสียต่อเครดิต ได้อีกด้วย

2. ลดดอกเบี้ยรวม จ่ายน้อยลง

หนี้บางประเภท โดยเฉพาะ บัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสด มักมีดอกเบี้ยสูงถึง 16-25% ต่อปี แต่เมื่อรวมหนี้เป็นสินเชื่อที่มีดอกเบี้ยต่ำกว่า เช่น สินเชื่อบ้านหรือสินเชื่อรถแลกเงิน จะช่วยให้ดอกเบี้ยรวมลดลงอย่างมาก ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยจะขึ้นอยู่กับ เครดิต สถานะการเงิน และเงื่อนไขของธนาคาร

3. เลือกผ่อนได้ยาวขึ้น เพิ่มความยืดหยุ่น

การรวมหนี้มักมีทางเลือกให้ ขยายระยะเวลาการผ่อน ช่วยให้ยอดชำระต่อเดือนลดลง แม้การผ่อนยาวจะทำให้ดอกเบี้ยรวมสูงขึ้น แต่ก็ช่วยให้ จัดการกระแสเงินสดได้ง่ายกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดภาระรายเดือนและมีเงินเหลือไปใช้จ่ายด้านอื่น ๆ

4. ภาระรายเดือนเบาลง เหลือเงินใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

เมื่อดอกเบี้ยและระยะเวลาผ่อนถูกปรับให้อยู่ในระดับเหมาะสม ค่างวดต่อเดือนจะลดลงชัดเจน เช่น จากที่เคยจ่ายรวมเดือนละ 18,000 บาท เหลือเพียง 9,348 บาท ทำให้มี เงินเหลือใช้ในชีวิตประจำวัน สามารถนำไปออม หรือลงทุนเพื่อสร้างความมั่นคงในอนาคตได้มากขึ้น

5. มีเงินสำรอง เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน

ในหลายกรณี หลังจากนำเงินไปปิดหนี้แล้ว ยังมีวงเงินเหลือ สามารถนำไปใช้เพื่อเสริมสภาพคล่อง เช่น เก็บเป็นเงินฉุกเฉิน ใช้จ่ายในเหตุการณ์ไม่คาดคิด หรือต่อยอดธุรกิจ ลดความเสี่ยงไม่ให้ต้องกลับมาก่อหนี้ใหม่ในอนาคต

อยากรวมหนี้เป็นก้อนเดียวต้องทำอย่างไร?

เมื่อเข้าใจถึง ข้อดีของการรวมหนี้เป็นก้อนเดียว แล้ว หลายคนอาจสนใจและอยากเริ่มต้นทันที แต่การรวมหนี้ให้ประสบความสำเร็จนั้น จำเป็นต้องทำตามขั้นตอนอย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้เงื่อนไขที่เหมาะสมที่สุด และไม่กลับเข้าสู่วงจรหนี้อีกครั้ง โดยขั้นตอนมีดังนี้

1. รวบรวมข้อมูลหนี้ทั้งหมดที่มีอยู่ – เริ่มจาก สำรวจและรวบรวมรายละเอียดหนี้ทุกประเภท ที่คุณมี ไม่ว่าจะเป็น

  • หนี้บัตรเครดิต
  • สินเชื่อส่วนบุคคล
  • หนี้ผ่อนสินค้า
  • สินเชื่อบ้านหรือรถยนต์
  • หนี้นอกระบบ

จดบันทึกข้อมูลให้ครบถ้วน เช่น ยอดหนี้คงเหลือ อัตราดอกเบี้ย วันครบกำหนด และค่างวดขั้นต่ำ ของแต่ละหนี้ การทำเช่นนี้จะช่วยให้เห็น ภาพรวมภาระหนี้ทั้งหมด และช่วยวางแผนได้ว่า หนี้ใดควรปิดก่อน และควรจัดลำดับความสำคัญอย่างไร

2. ประเมินรายได้และความสามารถในการผ่อนชำระ – เมื่อรู้ยอดหนี้รวมแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ ตรวจสอบฐานะการเงินของตนเอง

  • คำนวณ รายได้ประจำต่อเดือน
  • หัก ค่าใช้จ่ายจำเป็น เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าอาหาร ค่าเดินทาง
  • ประเมินจำนวนเงินที่สามารถนำไปชำระหนี้ได้ โดยไม่กระทบต่อการดำเนินชีวิต

ผลการประเมินนี้จะช่วยให้คุณกำหนด ค่างวดผ่อนที่เหมาะสม และเลือกเงื่อนไขการกู้ที่ไม่เกินความสามารถ เพื่อไม่ให้เกิดหนี้ซ้ำซ้อนในอนาคต

3. เปรียบเทียบสถาบันการเงินและเงื่อนไขสินเชื่อ – เมื่อมีข้อมูลหนี้และความสามารถในการชำระแล้ว ให้เริ่ม ค้นหาธนาคารหรือสถาบันการเงิน ที่มีบริการสินเชื่อรวมหนี้ โดยควรพิจารณา 3 ปัจจัยสำคัญ:

  • อัตราดอกเบี้ย – ยิ่งต่ำ ยิ่งช่วยลดภาระในระยะยาว
  • ระยะเวลาผ่อน – เลือกให้สอดคล้องกับรายได้และเป้าหมายทางการเงิน
  • ค่าธรรมเนียมและโปรโมชั่น – เช่น ค่าปิดบัญชีเก่า ค่าดำเนินการ หรือสิทธิพิเศษที่ได้รับ

นอกจากนี้ อย่าลืมตรวจสอบ ความน่าเชื่อถือของสถาบันการเงิน และคุณภาพการให้บริการ เพื่อความมั่นใจว่าเมื่อรวมสินเชื่อแล้ว จะได้รับการดูแลและคำแนะนำที่เหมาะสมตลอดกระบวนการ

4. เลือกสินเชื่อรวมหนี้ที่ให้เงื่อนไขดีที่สุด – หลังจากที่คุณได้ รวบรวมข้อมูลหนี้และประเมินความสามารถในการผ่อนชำระ เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อมาที่สำคัญมากคือ การเลือกสินเชื่อรวมหนี้ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ ซึ่งจะช่วยให้คุณจัดการหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดภาระดอกเบี้ยในระยะยาว

คุณควร ค้นหาข้อมูลจากหลายสถาบันการเงิน และเปรียบเทียบในหลายด้าน เช่น

  • อัตราดอกเบี้ย (ดอกเบี้ยต่ำช่วยลดต้นทุนหนี้ได้มาก)
  • ระยะเวลาการผ่อน (ยาวเกินไปอาจทำให้เสียดอกเบี้ยรวมสูงขึ้น แต่สั้นเกินไปอาจทำให้ค่างวดสูงเกินกำลัง)
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าปิดบัญชีหนี้เดิม หรือค่าดำเนินการ
  • คุณภาพการบริการและความน่าเชื่อถือ ของสถาบันการเงิน

เมื่อพิจารณาแล้ว ให้เลือกประเภทสินเชื่อที่เหมาะกับสถานการณ์ของคุณมากที่สุด โดยมีตัวเลือกหลัก ๆ ดังนี้:

  1. สินเชื่อรถแลกเงิน นำรถยนต์มาเป็นหลักประกัน ได้วงเงินสูง ดอกเบี้ยต่ำ และยังสามารถใช้รถได้ตามปกติ
  2. สินเชื่อบ้านแลกเงิน ใช้บ้านหรือที่ดินเป็นหลักค้ำประกัน ได้วงเงินก้อนใหญ่พร้อมดอกเบี้ยต่ำที่สุด เหมาะกับหนี้หลายก้อน
  3. สินเชื่อส่วนบุคคล ไม่ต้องใช้ทรัพย์ค้ำประกัน เหมาะกับหนี้ยอดไม่สูงมาก แต่ดอกเบี้ยจะสูงกว่าสินเชื่อที่มีหลักประกัน

5. เตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้อง – ก่อนยื่นขอสินเชื่อรวมหนี้ สิ่งสำคัญคือ การเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน เพื่อให้กระบวนการพิจารณาเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว เอกสารที่มักจำเป็น ได้แก่:

  • สำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้าน
  • เอกสารแสดงรายได้ เช่น สลิปเงินเดือน หรือรายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน
  • หนังสือรับรองการทำงาน
  • เอกสารแสดงภาระหนี้ปัจจุบัน เช่น ใบแจ้งยอดบัตรเครดิต หรือสัญญาสินเชื่อเดิม
  • เอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ใช้ค้ำประกัน (กรณีสินเชื่อมีหลักประกัน)

ทั้งนี้ แต่ละสถาบันการเงินอาจขอ เอกสารเพิ่มเติม ตามเงื่อนไขเฉพาะ จึงควรสอบถามเจ้าหน้าที่ก่อนยื่นเอกสาร การเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนและถูกต้องจะช่วย เพิ่มโอกาสอนุมัติสินเชื่อ และทำให้การรวมหนี้เป็นไปได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย

FAQs: คำถามยอดนิยมเกี่ยวกับการรวมหนี้เป็นก้อนเดียว

1. จะรวมหนี้เป็นก้อนเดียวได้อย่างไร? คุณสามารถทำได้ง่าย ๆ ตามขั้นตอนดังนี้:

  • รวบรวมหนี้ทั้งหมด ที่คุณมี ทั้งบัตรเครดิต สินเชื่อบ้าน รถ หรือหนี้ผ่อนสินค้า เพื่อให้เห็นภาพรวมของภาระทางการเงิน
  • ประเมินความสามารถในการผ่อนชำระ พิจารณารายได้และค่าใช้จ่ายต่อเดือน เพื่อกำหนดยอดชำระที่เหมาะสมโดยไม่กระทบชีวิตประจำวัน
  • เปรียบเทียบสถาบันการเงิน เลือกธนาคารหรือสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ย เงื่อนไข และข้อเสนอที่ตรงกับความต้องการ พร้อมพิจารณาความน่าเชื่อถือและคุณภาพบริการ
  • เลือกสินเชื่อที่เหมาะสมที่สุด ให้ตรงกับความต้องการและสถานะทางการเงินของคุณ
  • เตรียมเอกสารให้พร้อม เช่น บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน เอกสารแสดงรายได้ และเอกสารแสดงหนี้เดิม เพื่อให้การอนุมัติรวดเร็วและราบรื่น

2. ถ้าติดเครดิตบูโร จะขอรวมหนี้ได้ไหม?

หากติดแบล็คลิสต์หรือมีประวัติผิดนัดชำระหนี้ สถาบันการเงินอาจ ไม่อนุมัติสินเชื่อ แต่ถ้าหนี้หลายก้อนยังอยู่ในระบบและคุณ ชำระตรงเวลาเต็มจำนวน ธนาคารก็สามารถอนุมัติสินเชื่อรวมหนี้ได้ แม้ว่าหนี้รวมจะสูง

3. การรวมหนี้เป็นก้อนเดียวมีประโยชน์อย่างไร?

ข้อดีหลัก ๆ ได้แก่:

  • ลดความยุ่งยาก เหลือจ่ายเพียงเจ้าหนี้รายเดียว
  • ได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่าย
  • สามารถ เลือกผ่อนชำระได้นานขึ้น เพิ่มความยืดหยุ่นในการเงิน
  • ลดภาระรายเดือน ทำให้ค่างวดต่อเดือนเบาลง
  • เพิ่มเงินเหลือใช้สำหรับค่าใช้จ่ายหรือเสริมสภาพคล่อง

ฉะนั้น การรวมหนี้เป็นก้อนเดียวช่วยให้การเงินของคุณง่ายขึ้นและเป็นระเบียบมากขึ้น โดยรวมหนี้หลายก้อนให้เหลือเพียงเจ้าหนี้รายเดียว ทำให้ผ่อนชำระง่ายขึ้น ลดความสับสน และความเสี่ยงผิดนัด ดอกเบี้ยรวมมักต่ำกว่าการจ่ายแยกหลายก้อน

ช่วยลดค่างวดต่อเดือน และยังมีเงินเหลือสำหรับค่าใช้จ่ายหรือเสริมสภาพคล่อง ทำให้สามารถวางแผนการเงินได้มั่นคงขึ้น และถ้าหากคุณยังไม่รู้ว่าจะรวมหนี้เป็นก้อนเดียวกับสถาบันไหนดี การเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย เงื่อนไข

และความน่าเชื่อถือของสถาบันจะช่วยให้คุณเลือกตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด หากสนใจสามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ CCAP ยินดีให้บริการและให้คำปรึกษาสอบถามรายละเอียด คลิก 👉🏻 https://lin.ee/NEBc1fz , LINE ID: @helloccap , เบอร์โทร: 092-256-6801

สแกน QR Code เพื่อเพิ่มเพื่อน CCAP ได้เลย

Reference Link

© สงวนลิขสิทธิ์ 2565 เจริญสิน แคปปิตอล จำกัด
CALL CENTER  02 120 6624
phone-handset